ข้อบังคับสมาคม
เลขอนุญาตที่ ต. 76/2520 เลขคำขอที่ 76/2520
แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548
แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2/2550 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2550 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2550
แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 3/2554 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2554 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2554
แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 4/2556 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2556 ลงวันที่ 11 เมษายน 2556
ข้อบังคับ
สมาคมนักบริหารพัสดุแห่งประเทศไทย
หมวด 1
ข้อบังคับทั่วไป
ข้อ 1 ชื่อของสมาคม สมาคมนี้ชื่อ “สมาคมนักบริหารพัสดุแห่งประเทศไทย” ใช้อักษรย่อว่า “สพท.” มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “The Commodity Management Association of Thailand” ใช้อักษรย่อว่า “CMAT” ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่าสมาคม
ข้อ 2 เครื่องหมายของสมาคม สมาคมนี้มีเครื่องหมายเป็นรูปวงจรการบริหารพัสดุ ประกอบด้วย วงกลมเล็กทึบ 6 วง สีทอง ตรงกลางมีอักษรย่อว่า สพท.สีทอง ทับอยู่บนวงกลมใหญ่ทึบพื้นสีน้ำเงินเข้ม ขอบรอบนอกสีแดงส่วนบนภายใต้ขอบรอบนอก มีชื่อสมาคมเป็นภาษาไทยและชื่อภาษาอังกฤษอยู่ส่วนล่างสีแดงบนพื้นขาว
(ข้อ 2 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
ข้อ 3 สำนักงาน สำนักงานของสมาคมนักบริหารพัสดุแห่งประเทศไทย เลขที่ 73 อาคารธุรกิจบัณฑิตย์ ชั้น 2 ห้องที่ 1-2 จากบันไดปีกซ้ายของอาคาร ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
(ข้อ 3 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 3/2554 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2554 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2554)
หมวด 2
วัตถุประสงค์
ข้อ 4 วัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์ของสมาคมมีดังต่อไปนี้
4.1 เพื่อส่งเสริมการศึกษา และปรับปรุงการประกอบวิชาชีพการบริหารพัสดุให้เป็นไปตามหลักการและวิธีการที่ทันสมัย
4.2 เพื่อให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือในอันที่จะแสวงหาโดยใช้หลักการ และวิธีการที่ถูกต้องตามวิธีการบริหารพัสดุ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและประหยัดในการทำงาน
(ข้อ 4.1, 4.2 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
4.3 เพื่อเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการ บริหารพัสดุ จัดการสัมมนาและฝึกอบรมให้กับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจหรือสถาบัน องค์การ หรือบุคคลทั่วไป ในอันที่จะสนับสนุนการบริหารพัสดุด้วยวิธีการที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและ ระเบียบข้อบังคับของสมาคม
4.4 ให้บริการที่ปรึกษาการบริหารงานพัสดุและงานอื่นที่เกี่ยวข้อง แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรของรัฐ องค์กรอิสระ ตลอดจนบริษัท ห้าง ร้าน ภาคเอกชนและบุคคลต่าง ๆ
4.5 เพื่อเป็นศูนย์กลางติดต่อกับส่วนราชการ สถาบัน องค์การสมาคมและหน่วยงานต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับการบริหารพัสดุ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับข้อบังคับของสมาคม ทั้งใน และนอกประเทศ
4.6 เพื่อส่งเสริมความสามัคคีและสวัสดิการของสมาชิก
4.7 เพื่อดำเนินการอื่นใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศีลธรรม วัฒนธรรมอันดีงาม และสนับสนุนให้การดำเนินงานของสมาคมบรรลุความสำเร็จ ตามประสงค์
4.8 สมาคมนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
(ข้อ 4.3 – 4.8 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2/2550 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2550 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2550)
หมวด 3
สมาชิกภาพ
ข้อ 5 ประเภทสมาชิก สมาชิกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือสมาชิกสามัญ สมาชิกสถาบัน และสมาชิกกิตติมศักดิ์
5.1 สมาชิกสามัญ ได้แก่
(ก) ผู้ที่ผ่านการอบรมทางด้านการบริหารพัสดุ จากสถาบันฝึกอบรม และปรับปรุงการบริหารสำนักงบประมาณ จากสมาคมนี้ หรือจากสถาบันอื่น ๆ
(ข) วิทยากร หรืออาจารย์ผู้บรรยายหลักสูตรการบริหารพัสดุ จากสถาบันฝึกอบรมและปรับปรุงการบริหารสำนักงบประมาณ จากสมาคมนี้ หรือจากสถาบันอื่น
(ค) วิทยากรผู้บรรยายในการจัดฝึกอบรมสัมมนาที่สมาคมจัดขึ้น
(ง) ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสายงานการบริหารพัสดุ
(จ) ผู้ที่มีความสนใจในกิจกรรมของสมาคม และการบริหารพัสดุ
(ข้อ 5.1 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
5.2 สมาชิกสถาบัน ได้แก่ สถาบัน องค์การ สมาคม หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ และบริษัท ห้าง หุ้นส่วนที่เป็นนิติบุคคล
(ข้อ 5.2 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2/2550 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2550 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2550)
5.3 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ ผู้ที่คณะกรรมการบริหารสมาคม พิจารณาเห็นว่า มีคุณสมบัติเหมาะสม และสมควรที่จะได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิก โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เชิญเข้ามาเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์
(ข้อ 5.3 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
ข้อ 6 การสมัครและรับเข้าเป็นสมาชิก
6.1 ให้ผู้มีความประสงค์ที่จะสมัครเป็นสมาชิก ยื่นใบสมัครตามแบบที่ทางสมาคมกำหนดพร้อม ชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาชิกภาพของผู้สมัครบริบูรณ์ทันที ให้นายทะเบียน นำรายชื่อสมาชิกใหม่ตามความวรรคแรกเสนอคณะ กรรมการบริหารรับทราบ
6.2 ให้นายทะเบียนแจ้งสมาชิกตามข้อ 6.1 ทราบและประกาศชื่อไว้ ณ สำนักงานของสมาคม ไม่น้อยกว่า 15 วัน หรือแจ้งให้สมาชิกทราบทางสิ่งพิมพ์ของสมาคม
(ข้อ 6 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2/2550 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2550 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2550)
ข้อ 7 ค่าลงทะเบียนและค่าบำรุง
7.1 ค่าลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิก 20.00 บาท
7.2 ค่าบำรุงสมาชิกสามัญปีละ 200.00 บาท
ค่าบำรุงสมาชิกสามัญตลอดชีพ 5,000.00 บาท
7.3 ค่าบำรุงสมาชิกสถาบันปีละ 1,000.00 บาท
ค่าบำรุงสมาชิกสถาบันตลอดชีพ 25,000.00 บาท
ทั้งนี้ให้ถือปฏิบัติจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
(ข้อ 7 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 4/2556 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2556 ลงวันที่ 11 เมษายน 2556)
ข้อ 8 สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
8.1 สมาชิกมีสิทธิประดับเครื่องหมายของสมาคมที่สมาคมกำหนดขึ้นได้
8.2 สมาชิกมีสิทธิได้รับการบริการตามที่สมาคมกำหนดขึ้น
(ข้อ 8.1-8.2 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
8.3 สมาชิกสามัญและสถาบันเท่านั้นมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร และสมาชิกสถาบันมีสิทธิลงคะแนนได้ 1 เสียง
(ข้อ 8.3 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2/2550 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2550 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2550)
8.4 สมาชิกสามัญเท่านั้นมีสิทธิได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหาร
8.5 สมาชิกมีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานของสมาคมต่อกรรมการบริหาร
8.6 สมาชิกมีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ ร่วมการสัมมนา ร่วมทำกิจกรรมที่ทางสมาคมจัดขึ้น
8.7 สมาชิกมีหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสมาคม
8.8 สมาชิกมีหน้าที่ส่งเสริมและร่วมมือในกิจกรรมของสมาคม
(ข้อ 8.4-8.8 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
8.9 สมาชิกมีหน้าที่แจ้งการเปลี่ยนแปลงสถานภาพต่างๆ สถานที่อยู่ และสถานที่ติดต่อให้นาย ทะเบียนทราบเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อแก้ไขทะเบียน ภายใน 1 เดือน
(ข้อ 8.9 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2/2550 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2550 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2550)
ข้อ 9 การพ้นจากสมาชิกภาพ สมาชิกจะสิ้นสุดการเป็นสมาชิกภาพ ต่อเมื่อ
9.1 ตาย
9.2 ลาออก
9.3 ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย ไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
9.4 มีความประพฤติเสียหาย อันนำความเสื่อมเสียมาสู่ส่วนรวม หรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสมาคม ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริหารลงมติให้พ้นจากสมาชิกภาพด้วยคะแนนเสียงข้างมาก
9.5 ไม่ชำระค่าบำรุงติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี เว้นแต่สมาชิกจะได้แจ้งความจำเป็นให้สมาคมทราบเป็นหนังสือ
ผู้ที่พ้นจากสมาชิกภาพยังต้องรับผิดชอบในค่าบำรุงและหนี้สินต่าง ๆ ที่ยังค้างชำระต่อสมาคม และอาจจะกลับเข้าเป็นสมาชิกใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารเสียก่อนและต้องชำระค่าบำรุงสมาชิกตามระเบียบเรียบร้อยแล้ว
(ข้อ 9 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
หมวด 4
การบริหารสมาคม
ข้อ 10 คณะกรรมการบริหาร
10.1 ให้มีคณะกรรมการบริหารสมาคม จำนวนรวม 17 คน เลือกตั้งโดยที่ประชุมใหญ่จาก สมาชิกสามัญทุก 2 ปี เป็นจำนวน 9 คน แล้วให้ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งทั้ง 9 คนพิจารณา
คัดเลือก กันเองเป็นนายกสมาคม 1 คนและอุปนายกสมาคมคนที่ 1 และ 2 ตามลำดับก่อน ส่วนที่เหลืออีก 8 คน ให้นายกสมาคมพิจารณาแต่งตั้งจากสมาชิกสามัญให้ครบจำนวน โดยเร็ว
(ข้อ 10.1 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2/2550 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2550 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2550)
10.2 คณะกรรมการบริหารสมาคม 17 คน ประกอบด้วยนายกสมาคม อุปนายกสมาคมคนที่ 1 อุปนายกสมาคมคนที่ 2 นายทะเบียน ผู้ช่วยนายทะเบียน เหรัญญิก ผู้ช่วยเหรัญญิก ปฏิคม ประชาสัมพันธ์ สาราณียกร เลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการ และกรรมการอื่น ๆ
10.3 ให้นายกสมาคมฯ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคมฯ เป็นผู้แทนสมาคมฯ ในการติดต่อกับบุคคลภายนอก และทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการและการประชุมใหญ่สมาคมฯ
10.4 ให้อุปนายกสมาคม ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมฯ ในการบริหารกิจการของสมาคม ปฏิบัติการอื่นตามที่นายกสมาคมมอบหมาย และทำหน้าที่แทนนายกสมาคม เมื่อนายกสมาคมฯ ไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ การทำหน้าที่แทนนายกสมาคม ให้อุปนายกสมาคม ตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน
10.5 หากประธานและรองประธานไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมพิจารณาเลือกกรรมการอื่นที่มีอาวุโสรองลงมาปฏิบัติหน้าที่แทน
10.6 ให้นายทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกของสมาคมฯ ประสานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงของสมาคม หรือเงินค่าดำเนินงานในกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมจากสมาชิกและผู้เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี และจัดทำบัญชีพัสดุของสมาคมทั้งหมด
ทั้งนี้ ให้ผู้ช่วยนายทะเบียน เป็นผู้ช่วยและทำหน้าที่ตามที่นายทะเบียนมอบหมาย
10.7 ให้เหรัญญิก มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคมฯ เป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายบัญชีงบดุลของสมาคม ตามหลักบัญชีสากล การจัดทำรายงานทางการเงินประจำเดือนการจัดเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการเงินของสมาคมฯ ไว้เพื่อตรวจสอบและเป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ ให้ผู้ช่วยเหรัญญิก เป็นผู้ช่วยและทำหน้าที่ตามที่เหรัญญิกมอบหมาย
10.8 ให้ปฏิคม มีหน้าที่ในการประสานงานการจัดเตรียมสถานที่ประชุม และเป็นพิธีกร ในงานต่าง ๆ ของสมาคม เว้นแต่มีพิธีกรเฉพาะในการประชุมหรือกิจกรรมนั้น ๆ
10.9 ให้ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคม แก่สมาชิกและบุคคลทั่วไป โดยวิธีการที่เหมาะสม
10.10 ให้สาราณียกร มีหน้าที่ตรวจสอบและจัดทำสิ่งพิมพ์ความรู้เกี่ยวกับพัสดุและเรื่องที่เกี่ยวข้อง เหมาะสม ไม่ขัดต่อกฎหมาย จริยธรรม และศีลธรรมอันดี เพื่อเผยแพร่กับสมาชิกและบุคคลทั่วไป
10.11 ให้เลขานุการ มีหน้าที่เกี่ยวกับงานบริหารทั่วไป งานธุรการต่าง ๆ ทั้งหมด การจัดเตรียมสถานที่ประชุม คณะกรรมการบริหาร และปฏิบัติตามคำสั่งนายกสมาคม เป็นเลขานุการในการประชุมต่าง ๆ ของสมาคมเว้นแต่มีเลขานุการในการประชุมต่างหากในครั้งนั้น ๆ การจัดทำรายงานการประชุม งานอื่น ๆ ซึ่งมิได้กำหนดเป็นหน้าที่ของกรรมการอื่นไว้ งานอื่น ๆ ที่นายกสมาคมหรืออุปนายกสมาคมมอบหมาย
ทั้งนี้ ให้ผู้ช่วยเลขานุการ เป็นผู้ช่วยและทำหน้าที่ตามที่เลขานุการมอบหมาย
(ข้อ 10.2 – 10.11 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
ข้อ 11 อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร
11.1 กำหนดนโยบายโดยไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์ของสมาคม
11.2 บริหารกิจการของสมาคมให้เป็นไปตามนโยบายและวัตถุประสงค์
11.3 ออกระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของสมาคมโดยไม่ขัดต่อข้อบังคับ
11.4 แต่งตั้งบุคคลเข้าร่วมเป็นกรรมการที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการ เพื่อเข้าร่วมดำเนินกิจการของสมาคม และให้มีอำนาจถอดถอนได้ตามที่เห็นสมควร
11.5 ให้พิจารณาเรียนเชิญบุคคลเข้าเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ ตามที่เห็นสมควร
11.6 มีอำนาจจ้างและเลิกจ้างบุคคลเข้าปฏิบัติงานของสมาคมตามแต่จะเห็นสมควร
11.7 รับทราบการเข้าเป็นสมาชิก หรือการสิ้นสุดแห่งสมาชิกภาพตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับ
11.8 กำหนดตำแหน่งกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับได้
11.9 ตีความตามข้อบังคับ
(ข้อ 11 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
ข้อ 12 การดำเนินงาน
12.1 ให้คณะกรรมการบริหารมีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อปรึกษาหารือและพิจารณาปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับกิจการของสมาคม
12.2 หากกรรมการบริหารผู้ใดขาดการประชุม 3 ครั้งต่อเนื่องกันโดยไม่แจ้งให้คณะกรรมการบริหารทราบ ให้ถือว่าขาดจากหน้าที่
12.3 อายุของคณะกรรมการบริหาร ให้ดำรงตำแหน่งอยู่ได้สมัยละ 2 ปี และอาจได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งในสมัยต่อไปต่อเนื่องกันได้อีก แต่ไม่เกิน 2 สมัยติดต่อกัน
ข้อ 13 การพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการบริหาร กรรมการบริหารจะพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ในกรณีต่อไปนี้
13.1 ครบวาระ
13.2 ลาออก
13.3 การพ้นจากสมาชิกภาพตามข้อ 9
13.4 ขาดการประชุมตามข้อ 12.2
13.5 พ้นจากตำแหน่งเป็นรายบุคคล หรือทั้งคณะโดยมติของที่ประชุมใหญ่ออกเสียง มีจำนวนไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมและให้สมาชิกที่มาประชุมออกเสียงเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร หรือคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ จากสมาชิกสามัญขึ้นแทนทันที ตามข้อ 10.1 โดยให้ดำรงตำแหน่ง จนครบวาระ
13.6 ในกรณีที่นายกสมาคมลาออก หรือพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามให้อุปนายกสมาคม คนที่ 1 เข้าดำรงตำแหน่งแทน
(ข้อ 13.1 – 13.6 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
13.7 เมื่อกรรมการบริหารที่ได้รับเลือกตั้งพ้นจากตำแหน่ง เป็นรายบุคคลโดยมิใช่การพ้น ตำแหน่งตามข้อ 13.5 ให้นายกสมาคมแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับคะแนนเลือกตั้งลำดับรองลง ไปเข้าดำรงตำแหน่งแทนและเช่นเดียวกันเมื่อกรรมการบริหารที่ได้รับการแต่งตั้งพ้นจาก ตำแหน่งเป็นรายบุคคลให้นายกสมาคมพิจารณาแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งแทนโดยเร็ว แต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของบุคคลที่ตนแทนเท่านั้น
13.8 ในกรณีที่กรรมการบริหารที่ได้รับการเลือกตั้งตามข้อ 10.1 ลาออกถึงจำนวน 9 คนให้คณะ กรรมการบริหารทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ในระหว่างนั้น ให้คณะกรรมการบริหารที่ขอ ลาออกรักษาการไปพลางก่อน และรีบจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมตาม ข้อ 10.1 ภายใน 30 วัน นับถัดจากวันลาออก
13.9 ในกรณีที่กรรมการบริหารหรือคณะกรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ด้วยเหตุใดก็ตาม ให้กรรมการบริหารหรือคณะกรรมการบริหารชุดเดิมรักษาการไปพลางก่อน จนกว่าจะมี กรรมการบริหารหรือคณะกรรมการบริหารชุดใหม่มารับหน้าที่แทน ซึ่งต้องมอบหมายงาน ให้แก่กันให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว นับแต่วันที่ได้รับทราบ
ระหว่างเวลาก่อนนายทะเบียนรับจดทะเบียนคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ให้ คณะกรรมการบริหารชุดเดิมรักษาการไปพลางก่อน เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนแล้วรีบ มอบหมายงานให้คณะกรรมการชุดใหม่รับบริหารงานสืบแทนต่อไปโดยไม่ชักช้า เฉพาะ ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งตามวาระเป็นเวลา 2 ปี ของคณะกรรมการชุดใหม่ให้นับ ย้อนหลังกลับนับแต่วันเลือกตั้งมิใช่เริ่มนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียน
(ข้อ 13.7-13.9 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2/2550 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2550 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2550)
หมวด 5
การประชุม
ข้อ 14 องค์ประชุม องค์ประชุมคณะกรรมการบริหารต้องมีกรรมการบริหารเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง มติที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก หากคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานเป็นผู้ออกเสียงชี้ขาด
ข้อ 15 การประชุมใหญ่ ให้มีการประชุมใหญ่สามัญ ปีละ 1 ครั้ง หลังจากสิ้นปีปฏิทินแล้วภายใน 90 วัน เพื่อรับทราบและพิจารณาการดำเนินงานของสมาคม ดังต่อไปนี้
15.1 กรรมการบริหารแถลงผลงานและแสดงทรัพย์สินของสมาคม
15.2 เหรัญญิกเสนองบดุล
15.3 เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อถึงกำหนดตามวาระ ที่กล่าวไว้ในข้อ 12.3
15.4 แต่งตั้งผู้สอบบัญชี
(ข้อ 15 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
ข้อ 16 องค์ประชุมใหญ่ การประชุมใหญ่สามัญ จะต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 51 คน จึงจะครบองค์ประชุม มติที่ประชุมให้ถือคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม
ข้อ 17 การนัดประชุม การนัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ให้ทำเป็นหนังสือส่งตรงไปยังสมาชิกของสมาคมไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนถึงวันประชุม
ถ้าการประชุมครั้งแรกไม่ครบองค์ประชุม ให้เลขานุการนัดประชุมใหม่เป็นครั้งที่สอง โดยแจ้งเป็นหนังสือให้สมาชิกทราบภายใน 10 วัน นับจากการนัดประชุมครั้งแรก ในการประชุมครั้งที่สองนี้ ไม่ว่าสมาชิกจะมาจำนวนเท่าใดก็ให้ถือเป็นองค์ประชุมได้
ข้อ 18 การเลือกตั้งกรรมการบริหาร ในการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งกรรมการบริหาร ให้สมาชิกที่ประชุมเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการเลือกตั้งขึ้นคณะหนึ่งไม่เกิน 3 คน และให้ประกาศผลของการเลือกตั้ง หลังจากนับคะแนนเรียบร้อยแล้ว
ในกรณีที่มีผู้ได้รับคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ดำเนินการจับสลากเพื่อตัดสินผู้ได้รับเลือกตั้ง การเลือกตั้งดังกล่าว ให้เสนอชื่อผู้รับเลือกตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 15 คน เพื่อไว้เป็นกรรมการบริหารสำรอง ในกรณีที่กรรมการบริหารที่ได้รับการเลือกตั้งพ้นจากตำแหน่ง
(ข้อ 18 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
ข้อ 19 การประชุมวิสามัญ การประชุมวิสามัญจะครบองค์ประชุมต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่า 51 คน และจะกระทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้
19.1 คณะกรรมการบริหาร เห็นสมควรให้มีการประชุมวิสามัญ การนัดสมาชิกประชุมวิสามัญนี้ ให้ดำเนินการตามวิธีการเรียกประชุมใหญ่ ที่ได้ระบุไว้แล้ว
19.2 เมื่อสมาชิกไม่น้อยกว่า 51 คน เข้าชื่อกันร้องขอและแจ้งวัตถุประสงค์ในการประชุม ให้คณะกรรมการนัดประชุม ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอดังกล่าว
การประชุมนี้สมาชิกผู้เข้าชื่อร้องขอต้องมาประชุมไม่น้อยกว่า 4 ใน 5 ของผู้เข้าชื่อทั้งหมด มิฉะนั้นจะไม่ถือว่าเป็นการประชุม
การประชุมให้มีการปรึกษาหารือและมีมติได้เฉพาะเรื่องที่แจ้งวัตถุประสงค์เท่านั้น
หมวด 6
การเงินและทรัพย์สิน
ข้อ 20 รายได้สมาคม สมาคมมีรายได้เพื่อดำเนินการและกิจการดังต่อไปนี้
20.1 ค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาชิก
20.2 เงิน หรือทรัพย์สินช่วยเหลือและบริจาค
20.3 รายได้อื่น ๆ
(ข้อ 20 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
ข้อ 21 การเงินของสมาคม
21.1 การเงินและทรัพย์สินของสมาคมทั้งหมด ให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริหารเงินทุกประเภทของสมาคมต้องนำไปฝากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เชื่อถือได้ ในบัญชีของสมาคมโดยคณะกรรมการบริหารเห็นชอบแล้ว เว้นแต่เงินบริจาค ที่ได้กำหนดเงื่อนไขไว้เป็นอย่างอื่นระเบียบการใช้จ่ายเงินต่าง ๆ ของสมาคม ให้คณะกรรมการบริหารเป็นผู้กำหนดขึ้น ตามความจำเป็น หากยังมิได้กำหนด ให้อาศัยหลักระเบียบของทางราชการปฏิบัติไปโดยอนุโลมก่อน แล้วรีบกำหนดระเบียบในเรื่องนั้น ๆ ขึ้นโดยเร็ว หรือคณะกรรมการบริหาร ลงมติเห็นชอบเป็นรายเรื่องไปก่อนได้
การซื้อพันธบัตรของรัฐบาลจะกระทำได้โดยมติของคณะกรรมการบริหาร
(ข้อ 21.1 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
21.2 อำนาจในการสั่งจ่ายเงิน
(1) ให้นายกสมาคมมีอำนาจอนุมัติก่อหนี้ผูกพันจ่ายเงินในกิจการของสมาคมตามวัตถุ ประสงค์ได้ครั้งละไม่เกิน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่านั้นให้ขอ ความเห็นจากคณะกรรมการบริหาร
(2) เหรัญญิกมีอำนาจเก็บรักษาเงินสดไว้ในความรับผิดชอบไม่เกิน 50,000 บาท (ห้า หมื่นบาทถ้วน) ในกรณีที่จำเป็นเร่งด่วนให้ทดรองจ่ายได้ครั้งละไม่เกิน 30,000 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) แล้วนำเสนอขออนุมัติต่อนายกสมาคม
(3) การจ่ายเงินโดยปกติให้ใช้ตั๋วเงิน หรือเช็คของสมาคม ต้องมีลายมือชื่อนายกสมาคม หรืออุปนายกสมาคม และเหรัญญิกพร้อมทั้งประทับตราของสมาคมด้วยทุกครั้งจึง จะถือว่าใช้ได้ เว้นแต่การจ่ายเงินครั้งละไม่เกิน 50,000 บาทจะจ่ายเป็นเงินสดก็ได้
(ข้อ 21.2 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2/2550 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2550 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2550)
ข้อ 22 การบัญชี งบดุล และทรัพย์สินของสมาคม
22.1 วันสิ้นปีทางบัญชีของสมาคมให้เป็นไปตามปีปฏิทิน
22.2 การทำงบดุล ให้เหรัญญิกเป็นผู้รับผิดชอบจัดทำงบดุล และงบรายได้ และค่าใช้จ่ายตามหลักบัญชีสากล ดังที่เป็นอยู่ในวันสิ้นปีทางบัญชี เพื่อให้ผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจสอบและรับรอง
และนำเสนอที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี ทุกครั้งต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของนายกสมาคมร่วมกับเหรัญญิก
22.3 ให้นายทะเบียนเป็นผู้รับผิดชอบสำรวจจัดทำบัญชีพัสดุของสมาคม เพื่อเสนอนายกสมาคมก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปีทุกครั้ง โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบการบริหารพัสดุของทางราชการโดยอนุโลม
22.4 หลักฐานการเงินจะต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี
หมวด 7
การแก้ไขข้อบังคับ
ข้อ 23 การแก้ไขเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงข้อบังคับนี้ ทำได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมใหญ่สามัญ หรือวิสามัญ และต้องได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมข้อเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงข้อบังคับนี้ ต้องประกาศและแจ้งให้สมาชิกทราบก่อนการประชุมไม่น้อยกว่า 15 วัน
(ข้อ 22,23 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1/2548 ตามทะเบียนเลขที่ จ.1472/2548 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2548)
หมวด 8
การเลิกสมาคม
ข้อ 24 เมื่อที่ประชุมใหญ่ลงมติ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ให้เลิกกิจการของสมาคม เป็นอันเลิกสมาคมได้
ในกรณีที่สมาคมจะต้องล้มเลิกไปด้วยกรณีใดก็ตาม ทรัพย์สินที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมดหลังจากได้ชำระบัญชีแล้วให้โอนแก่องค์การสาธารณกุศลหนึ่ง สาธารณกุศลใด ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามที่ที่ประชุมใหญ่ได้พิจารณาเห็นสมควร
(ข้อ 24 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2/2550 ทะเบียนเลขที่ จ.1472/2550 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2550)
หมวด 9
บทเฉพาะกาล
ข้อ 25 หากมีการแก้ไขข้อบังคับเพิ่มจำนวนกรรมการบริหารสมาคม ให้นายกสมาคมพิจารณา